ผู้เป็นต้นกำเนิดซานตาคลอส ตอนที่ 1

ใกล้เทศกาล ครูประถม ขอนำ ประวัตินักบุญนิโคลัส – ผู้เป็นต้นกำเนิดซานตาคลอส ตอนที่ 1 มาฝากทุกท่านกันค่ะ

ทุกๆช่วงวันคริสต์มาส เด็กๆต่างรอคอยจะได้ของขวัญจะชายชราหนวดเครายาวสีขาว ใส่ชุดสีแดงนิสัยใจดีผู้หนึ่งนามว่า “ซานตาคลอส” ซึ่งกล่าวกันว่าเขาจะมากับเลื่อนหิมะที่ลากโดยกวางเรนเดียร์แล้วปีนลงปล่องไฟตามบ้านเพื่อมอบของขวัญให้แก่เด็กดี และเรื่องซานตาครอสไม่ได้มีอิทธิพลต่อเด็กๆเท่านั้น แต่รวมถึงเชิงเศรษฐกิจด้วยซึ่งซานตาครอสทำให้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยจากการซื้อขายสินค้าคริสต์มาสในช่วงเทศกาล ตั้งแต่ขนมหวานยันต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ที่ตั้งไว้ในบ้านหรือนอกบ้าน แถมยังมีภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับคริสต์มาสออกมาแทบทุกปีให้เราได้เสียเงินเข้าไปชมอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อโลกมากเลยทีเดียวเลยล่ะครับ

Advertisements

หลายคนให้ที่มาแตกต่างกันไปของซานตาครอสผู้นี้ แต่ที่แพร่หลายและรู้จักกันดีที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นนักบวชคนหนึ่งนามว่า “นักบุญนิโคลัส” แน่นอนครับ ซึ่งแอดมินจะนำเสนอประวัติของท่านในเชิงคริสตศาสนา อาจมีบางส่วนที่หลายๆท่านอาจยังไม่เคยทราบมาก่อน

นักบุญนิโคลัส ทางศาสนจักรตะวันตกจะนิยมเรียกว่านักบุญนิโคลัสแห่งบารี ส่วนทางศาสนจักรตะวันออกจะนิยมเรียกว่านักบุญนิโคลัสแห่งไมราหรือนักบุญนิโคลัส ผู้กระทำการอัศจรรย์ ท่านเกิดที่เมืองปาทารา ในดินแดนลิเซีย(Patara, Lycia) แถบเอเชียไมเนอร์ จักรวรรดิโรมัน เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบิดาและมารดาของท่านซึ่งเป็นชาวคริสต์ที่ร่ำรวย

รูปไอคอนนักบุญนิโคลัสในอิริยาบทปกติที่มักจะเห็นกันบ่อยๆ

มีตำนานเล่าถึงการอัศจรรย์ของท่านว่าเมื่อมารดาของนักบุญนิโคลัสได้ให้กำเนิดท่าน เธอก็หายจากอาการป่วยทันทีและเมื่อมารดาของนักบุญนิโคลัสนำท่านไปยังอ่างล้างบาปขณะเป็นทารก ท่านก็ยืนอยู่ในอ่างล้างบาปด้วยขาของท่านเองได้ครับ! ท่านยืนเป็นเวลา 3 ชม. โดยที่ไม่มีใครช่วยให้ท่านยืน นอกจากนี้กล่าวกันว่าขณะเป็นทารก ท่านถือศีลอดอาหารในวันพุธและศุกร์อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผู้กระทำการอัศจรรย์ตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว

แต่แม้มารดาของท่านจะหายจากอาการป่วย ทั้งบิดาและมารดาของนักบุญนิโคลัสต่างก็จากไปด้วยโรคระบาดขณะที่ท่านยังอยู่ในวัยเยาว์ ลุงของท่านผู้เป็นพระสังฆราช(bishop)แห่งปาทารา ซึ่งมีนามว่านิโคลัสเหมือนกัน ก็ทำหน้าที่เลี้ยงดูนักบุญนิโคลัสแทน พระสังฆราชองค์นี้ได้สอนท่านและทำพิธีแต่งตั้งเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์(reader) และต่อมาเขาก็ได้โปรดศีลบวชท่านเป็นบาทหลวงครับ ซึ่งท่านได้ตัดสินใจอุทิศมรดกของท่านไปกับงานบริจาคแก่คนยากจน ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักจากการกุศลและจิตใจที่มีเมตตาของท่าน

ขณะที่ท่านเป็นบาทหลวงนั้น มีชาวเมืองปาทาราคนหนึ่ง ผู้เคยร่ำรวยแต่ต่อมากลับหมดสิ้นซึ่งเงินทองทรัพย์สมบัติ กลายเป็นคนยากจนข้นแค้น เขามีบุตรสาวอยู่สามคน เนื่องจากสถานการณ์ที่แร้นแค้นเช่นนี้ บุตรสาวทั้งสามจึงไม่สามารถแต่งงานได้เพราะความยากจน เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากคิดขายบุตรสาวทั้งสามเป็นโสเภณีเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว

เมื่อนักบุญนิโคลัสทราบถึงเรื่องนี้ก็ไม่รอช้า ท่านเอาถุงที่ใส่ทองเอาไว้ โยนเข้าหน้าต่างบ้านของชาวเมืองท่านนั้นในตอนกลางคืน ทำให้มีเงินพอและบุตรสาวคนโตก็ได้แต่งงาน ซึ่งนักบุญนิโคลัสได้ทำเช่นนี้อีกสองครั้งเพื่อให้บุตรสาวอีกสองคนที่เหลือมีเงินพอจะแต่งงานได้ โดยที่นักบุญนิโคลัสจะแอบกระทำและปิดการทำดีของท่านไว้เป็นความลับเสมอ

อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่ท่านกลับมาจาการแสวงบุญที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ไม่นานนัก พระสังฆราชแห่งเมืองไมรา ดินแดนลิเซียได้สิ้นชีวิตลง สภาพระสังฆราชต้องเลือกพระสังฆราชองค์ใหม่ ซึ่งนักบุญนิโคลัสได้รับเลือกเป็นพระสังฆราชแห่งไมรา เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงชี้ให้พวกเขาควรเลือกเป็นพระสังฆราช

ตำนานกล่าวว่าพระสังฆราชชราองค์หนึ่งในสภามีนิมิตเห็นชายผู้หนึ่งซึ่งส่องสว่าง บอกกับเขาว่าผู้ที่มาถึงวัดในคืนนั้นและเข้าวัดคนแรก คนนั้นสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชและเขาจะชื่อว่านิโคลัส เมื่อเห็นดังนั้น เหล่าพระสังฆราชจึงไปที่วัดตอนกลางคืนเพื่อรอนักบุญนิโคลัส แล้วพวกเขาก็พบกับนักบุญนิโคลัสจริงๆซึ่งมาถึงวัดเป็นคนแรก

แต่หลังจากที่นักบุญนิโคลัสได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชนั้น ได้เกิดการข่มเหงคริสตศาสนาภายใต้จักรพรรดิไดโอคลีเชียนขึ้น คริสตศาสนิกชนจำนวนมากถูกจับขังคุก ทรมานและนำไปประหาร เช่นเดียวกับนักบุญนิโคลัส พระสังฆราชแห่งไมรา เนื่องจากท่านเป็นหัวหน้าสงฆ์และเทศน์เผยแผ่คริสตศาสนา ท่านจึงถูกจับกุมและถูกล่ามโซ่ขังรวมกับคริสตศาสนิกชนคนอื่นๆ ท่านและพวกเขาต้องถูกทรมานอย่างแสนสาหัส

แต่แล้วบุคคลผู้หนึ่งที่เชื่อกันว่าพระเจ้าทรงเลือกก็ได้มาหยุดการข่มเหงนี้ลง เขาคนนั้นคือจักรพรรดิคอนสแตนตินนั่นเองครับ เขาได้ออกกฤษฎีกาแห่งเมืองมิลานอันเป็นผลทำให้คริสตศาสนานั้นถูกกฎหมาย ประชาชนมีเสรีภาพที่จะนับถือคริสตศาสนา นักบุญนิโคลัสจึงถูกปล่อยตัวออกมาและอภิบาลเหล่าลูกแกะของท่านตามเดิม อีกทั้งยังทำหน้าที่ต่อต้านลัทธินอกศาสนาทั้งศาสนสถานและรูปเคารพนอกศาสนาอย่างไม่ลดละอีกด้วย

ต่อมา ในสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียครั้งที่ 1 ค.ศ.325 นักบุญนิโคลัสได้เข้าร่วมในสภาสังคายนาครั้งนี้ แม้เรื่องนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าท่านเข้าร่วมประชุมในสภาจริงหรือไม่ แต่ก็มีเรื่องเล่าขานกันว่านอกจากท่านจะอยู่ที่นั่นและโต้วาทะกับอาเรียส ผู้ตั้งลัทธินอกรีตอาเรียน เพื่อปกป้องความเชื่อแล้ว ท่านยังโกรธจัดถึงขนาดตบ(บ้างก็ว่าชก)หน้าของอาเรียสกันกลางสภาสังคายนาเลยทีเดียว เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เหล่าปิตาจารย์ทั้งหลายเรียกร้องให้ถอดถอนสมณศักดิ์และอาภรณ์ของท่านออกไปแล้วขังท่านไว้ในคุก แต่ก็บังเกิดการอัศจรรย์ขึ้นคือพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ได้ลงมาประจักษ์ที่นั่นและช่วยคืนอิสรภาพและตำแหน่งของท่านกลับมา

Advertisements

นอกจากท่านกล้าตีกับพระนอกรีตกลางสภาสังคายนาแล้วนั้น ความกล้าที่จะหยุดยั้งในสิ่งที่ผิดของฆราวาสก็เช่นกัน เรื่องที่เด่นๆอีกเรื่องคือการช่วยผู้บริสุทธิ์ให้พ้นโทษประหารครับ ครั้งหนึ่งมีเจ้าเมืองๆหนึ่งใส่ร้ายนายทหารสามคนให้พวกเขาถูกขังคุกเพราะความอิจฉา หลังจากที่นายทหารสามคนนี้ถูกส่งไปเมืองฟริเจียโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินเพื่อปราบกบฏ พอกลับมาก็ถูกเจ้าเมืองใส่ร้ายต่อหน้าจักรพรรดิเสียอย่างงั้นซึ่งต่อมาได้ถูกตัดสินโทษให้ประหารชีวิต
แน่นอนครับ ผู้มีจิตใจเมตตาอย่างนักบุญนิโคลัสย่อมไม่อยู่เฉย ท่านรีบเดินทางไปลานประหารและยื่นมือหยุดดาบของเพชรฆาตอย่างกล้าหาญและประณามเจ้าเมืองให้กลับใจและขออภัยพวกเขาเสีย

มีอีกตำนานว่าเมื่อทหารสามคนนี้ก็รู้อยู่ว่าถูกใส่ร้าย จึงภาวนาต่อพระเจ้าผ่านคุณงามความดีของนักบุญนิโคลัส คืนนั้นก็เกิดการอัศจรรย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งครับ ท่านไปปรากฏในฝันของจักรพรรดิคอนสแตนตินและได้บอกเขาให้ปล่อยนายทหารสามคนนี้ไปเช่นเดียวกับเจ้าเมืองที่ฝันเห็นนักบุญนิโคลัสเหมือนกัน รุ่งเช้าจักรพรรดิคอนสแตนตินกับเจ้าเมืองก็รู้ว่าทั้งคู่ฝันอย่างเดียวกัน จึงเรียกนายทหารทั้งสามซึ่งตอนนี้เป็นนักโทษมาสอบถามก็พบว่าพวกเขาขานนามนักบุญนิโคลัสที่ปรากฏในฝันพวกเขานั่นเอง เมื่อทราบดังนี้แล้ว จักรพรรดิคอนสแตนตินจึงปล่อยพวกเขาไปครับ

ตำนานการอัศจรรย์ของท่านมีมากมายนัก เช่นวันหนึ่ง เมืองไมราเกิดทุพภิกขภัยขึ้นมา นักบุญนิโคลัสได้ไปปรากฏตัวแก่พ่อค้าอิตาลีและให้เหรียญทองสามเหรียญแก่เขาเป็นเงินมัดจำซึ่งท่านได้ขอให้เขาแล่นเรือไปยังไมราและส่งข้าวสาลีไปที่นั่นเพื่อช่วยบรรเทาทุพภิกขภัย หรืออย่างครั้งหนึ่งท่านก็ช่วยกะลาสีที่จมน้ำในทะเล เป็นต้น

ท่านเสียชีวิตที่เมืองไมรา แต่ท่านก็ยังไม่หยุดการอัศจรรย์ เพราะมีของเหลวเป็นน้ำมันหอมไหลออกมาจากร่างของท่านที่เรียกว่า “มานนา” ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคให้หายได้และด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของท่านที่ชอบให้ของขวัญหรือบริจาคแก่ผู้อื่นก็ทำให้เชื่อกันว่าท่านเป็นต้นกำเนิดซานตาครอสนั่นเองครับ โดยร่างของท่านถูกฝังไว้ที่เมืองนี้และเป็นที่แสวงบุญของชาวคริสต์ตลอดมา…..

 

ขอขอบคุณการแบ่งปัน จาก เพจ ประวัติศาสตร์คริสตจักรศาสนา

ข้อมูลอ้างอิง: http://www.catholic.org/saints/saint.php?saint_id=371
https://oca.org/saints/lives/2016/12/06/103484-st-nicholas-the-wonderworker-and-archbishop-of-myra-in-lycia

Comments are closed.