อริสโตเติล (Aristotle)
-
กลุ่มไลน์ข่าวการศึกษา
กลุ่มไลน์ข่าวการศึกษา
อริสโตเติล (Aristotle)
อาริสโตเติล เกิดเมื่อประมาณ 384 หรือ 383 ปีก่อนคริสตกาลที่เมืองสตากีรา ในแคว้นมาเซโดเนีย
ซึ่งเป็นแคว้นที่แห้งแล้งทางตอนเหนือสุดชองทะเลเอเจียน ของประเทศกรีก เป็นบุตรชายของนายนิโคมาคัส
ซึ่งมีอาชีพทางการแพทย์ประจำอยู่ที่เมืองสตาราเกีย และยังเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าอมินตัสที่ 2 แห่งมาเซโดเนีย
ในวัยเด็กนั้นผู้ที่ให้การศึกษาแก่อริสโตเติลคือบิดาของเขานั้นเองซึ่งเน้นหนักไปในด้านธรรมชาติวิทยาเมื่อเขาอายุได้ 18 ปีก็ได้เดินทางไปศึกษาต่อกับปรัชญาเมธีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้นคือ เพลโต ในกรุงเอเธนส์
ในระหว่างการศึกษาอยู่กับเพลโต 20 ปีนั้นทำให้อริสโตเติลเป็นนักปราชญ์ที่ลือนามต่อมาจากเพลโต ต่อมาเมื่อเพลโตถึงแก่กรรมในปี 347 ปีก่อนคริสต์ศักราช อริสโตเติลจึงเดินทางไปรับตำแหน่งเป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ในปี 343 – 342 ก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาในปี 336 ก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าฟิลิป พระองค์จึงได้พระราชทานทุนให้แก่อริสโตเติลเพื่อจัดตั้งโรงเรียนที่
สตากิราชื่อไลเซียม
ในการทำการศึกษาและค้นคว้าของอริสโตเติลทำให้เขาเป็นผู้รอบรู้สรรพวิชา และได้เขียนหนังสือไว้มากมายประมาณ 400 – 1000 เล่ม ซึ่งงานต่าง ๆ ที่ได้เขียนขึ้นมานั้น ได้มีอิทธิพลต่อความเชื่อในศาสนาคริสต์จวบจนกระทั่งยุคกลางหรือยุคมืด ซึ่งมีเวลาประมาณ 1,500 ปีเป็นอย่างน้อย
อาริสโตเติล หรือ แอริสตอเติล เป็นนักปรัชญากรีกโบราณเป็นลูกศิษย์ของเพลโต และเป็นอาจารย์ของ
อเล็กซานเดอร์มหาราช ท่านและเพลโตได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักปรัชญาที่มีอิทธิพลสูงที่สุดท่านหนึ่งในโลกตะวันตก ด้วยผลงานเขียนหนังสือเกี่ยวกับฟิสิกส์ กวีนิพนธ์ สัตววิทยาการเมือง การปกครอง
จริยศาสตร์ และชีววิทยา
นักปรัชญากรีกโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออาริสโตเติล เพลโต และโสกราตีส พวกเขาได้เปลี่ยนโฉมหน้าของปรัชญากรีก สมัยก่อนโสกราตีส จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันตกในลักษณะปัจจุบัน โสกราตีสนั้นไม่ได้เขียนอะไรทิ้งไว้เลย ทั้งนี้เนื่องจากผลของแนวคิดปรากฏในบทสนทนาของเพลโตชื่อ เฟดรัส เราได้ศึกษาแนวคิดของเขาผ่านทางงานเขียนของเพลโตและนักเขียนคนอื่นๆ ผลงานของเพลโตและอริสโตเติลเป็นแก่นของปรัชญาโบราณ
อริสโตเติลเป็นหนึ่งในไม่กี่บุคคลในประวัติศาสตร์ที่ได้ศึกษาแทบทุกสาขาวิชาที่มีในช่วงเวลาของเขา ในสาขาวิทยาศาสตร์ อริสโตเติลได้ศึกษา กายวิภาคศาสตร์, ดาราศาสตร์, วิทยาเอ็มบริโอ, ภูมิศาสตร์, ธรณีวิทยา,
อุตุนิยมวิทยา, ฟิสิกส์,และ สัตววิทยา ในด้านปรัชญา อริสโตเติลเขียนเกี่ยวกับ สุนทรียศาสตร์, เศรษฐศาสตร์,
จริยศาสตร์, การปกครอง, อภิปรัชญา, การเมือง, จิตวิทยา, วาทศิลป์ และ เทววิทยา เขายังสนใจเกี่ยวกับ
ศึกษาศาสตร์, ประเพณีต่างถิ่น, วรรณกรรม และ กวีนิพนธ์ ผลงานของเขาเมื่อรวบรวมเข้าด้วยกันแล้ว สามารถจัดว่าเป็นสารานุกรมของความรู้สมัยกรีก
- ปรัชญาของอาริสโตเติล
- อภิปรัชญาของอาริสโตเติล
- ปรัชญาธรรมชาติของอาริสโดเติล
- จิตวิทยาของอาริสโตเติล
งานทางด้านวิทยาศาสตร์
อริสโตเติลได้ทำการศึกษาและค้นคว้าความรู้ต่างๆ และเขียนหนังสือไว้มากมายประมาณ 400 – 1000 เล่ม ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนไว้หลายแขนงวิชา คาดว่าเขาน่าจะเป็นผู้รวบรวมและบันทึกความรู้ต่างๆ ที่นักปราชญ์และนักวิทยาศาสตร์ในสำนักได้เดินทางออกไปหาความรู้
ข้อเสียร้ายแรงของอริสโตเติลคือ ทฤษฎีที่เขาตั้งขึ้นมามักอาศัยหลักทางตรรกวิทยาแต่ไม่ได้ทำการทดลองจริง ทั้งยังมีความเชื่อในนิยายปรัมปรา และสรุปเรื่องราวเอาง่ายๆโดยไม่พิสูจน์ให้เห็นจริงเสียก่อน ยกตัวอย่างทฤษฎีที่ผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัดคือ “วัตถุที่หนักจะตกลงพื้นโลกเร็วกว่าวัตถุที่เบา” ซึ่งแม้ว่าต่อมาอีกกว่า
1600 ปี กาลิเลโอจะพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่บรรดาผู้เชื่อถือในอริสโตเติลก็ยังไม่เชื่อในข้อพิสูจน์ของกาลิเลโอเพราะฝังแน่นในทฤษฎีของอริสโตเติลจนยากที่จะถอน นอกจากนี้อริสโตเติลยังได้กล่าวว่าโลกประกอบด้วยธาตุ 4 อย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ สรรพสิ่งในโลกล้วนประกอบด้วย 4 ธาตุนี้และเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เสมอ และโลกที่เราอยู่กันนี้หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ทั้งยังเป็นศูนย์กลางในดวงดาวต่างๆ เคลื่อนที่รอบโลก และมีสวรรค์อยู่นอกบรรยากาศ แม้ว่าต่อมาในปี ค.ศ. 1609 โจฮันน์ เคพเลอร์ จะพบว่าโลกโคจรเป็นวงรีและโคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ก็ทำให้เคพเลอร์หนักใจเป็นอย่างมากเนื่องจากขัดแย้งกับคำสอนของอริสโตเติล เนื่องจากคำสอนของอริสโตเติลนี้ไปพ้องกับคำสอนของศาสนาเข้าพอดี ดังนั้นผู้ที่ไม่เชื่อในคำสอนของอริสโตเติลจึงเป็นการดูหมิ่นศาสนาด้วยและจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ดังนั้นคำสอนของเขาจึงไม่มีใครสามารถลบล้างได้ง่ายๆ
ความผิดพลาดในเรื่องฟิสิกส์และดาราศาสตร์ของอริสโตเติลทำให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์หยุดชะงักและไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร แต่ทฤษฎีของอริสโตเติลก็ไม่ได้ผิดพลาดไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานทางด้านชีววิทยานั้นเป็นที่ยกย่องอย่างมาก คือในระหว่างที่เขาทำงานในราชสำนักของพระเจ้าฟิลิป อาริสโตเติลได้ใช้เวลาศึกษาอยู่นานถึง 2 ปี บนเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนที่จะกลับไปรับตำแหน่งอาจารย์ของอาเล็กซานเดอร์ เขาได้เฝ้าสังเกต ศึกษา และบันทึกการดำรงชีวิตของสัตว์ตั้งแต่อยู่ในไข่ เมื่อออกจากไข่ ระยะเวลาในการเจริญเติบโต และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
นอกจากนี้เขายังผ่าตัดเพื่อศึกษาลักษณะภายในของสัตว์เหล่านี้ด้วย หลังจากที่เขาศึกษามาเป็นระยะเวลาพอสมควร อาริสโตเติลได้แบ่งสัตว์ออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ สัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ เลือดสีแดง เช่น คน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลื้อยคลาน และ สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง มีลักษณะเด่น คือ มีเลือดอื่นที่ไม่ใช่สีแดง เช่น กุ้งปู ปลาดาว แมลง และหอย เป็นต้น ซึ่งนับว่าการศึกษาของอาริสโตเติลในเรื่องนี้ถือว่าเป็นการบุกเบิกวิชาชีววิทยาเลยทีเดียว และทฤษฎีที่สำคัญอีกทฤษฎีหนึ่งก็คือ การสลับกันของพื้นดินและแผ่นน้ำ อาริสโตเติลได้อธิบายว่า พื้นน้ำบางแห่งเกิดจากการสะสมของดินตะกอนทำให้เกิดเป็นพื้นดิน และพื้นดินบางแห่งถูกน้ำกัดเซาะจนกลางเป็นพื้นน้ำอาริสโตเติลถือว่าเป็นนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียง และมีความรู้ความสามารถที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ ถ้าหากเขาเป็นคนที่ศึกษาในเรื่องต่าง ๆ ให้จริงจังกว่านี้ วงการวิทยาศาสตร์คงต้องค้นพบความลับทางธรรมชาติจากบุคคลผู้นี้เป็นแน่ อาริสโตเติลใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษา บันทึกและรวบรวมความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้คนทั่วไปได้ศึกษา
ในปี 323 ก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าอาเล็กซานเดอร์มหาราช ทรงถูกปลงพระชนม์ที่บาบิโลเนีย อาริสโตเติลเกรงว่าอาจจะถูกทำร้ายจากกลุ่มคนที่ไม่ชอบพระเจ้าอาเล็กซานเดอร์มหาราช ซึ่งรวมถึงไม่ชอบอาริสโตเติลด้วย เขาจึงเดินทางออกจากกรุงเอเธนส์ไปอยู่ที่เมืองคาลซิส และอยู่ที่เมืองนี้จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 322 ก่อนคริสต์ศักราช เขาไม่ได้เป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์ยังเป็นนักปรัชญาชั้นเอก นักการเมือง และการศึกษาชั้นเยี่ยมอีกด้วย นับว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อีกท่านหนึ่งที่บุกเบิกความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และอริสโตเติลควรจะได้รับการยกย่องให้เป็นนักธรรมชาติวิทยาคนแรกของโลกอีกด้วย