การย้ายข้าราชการครู..ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

สำหรับคุณครูประถมที่ติดตามข่าวการเขียนย้ายครู..ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเขียนย้ายไปแล้วไม่ได้รับการพิจารณามาฝากครูประถมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณครูประถมนะครับรายละเอียดต่างๆครูประถม ติดตามได้นี้

สวัสดีครับทุกท่าน การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในหลายๆจังหวัดคงจะเรียบร้อยหมดแล้วครับนะครับ ซึ่งการย้ายครูในปัจจุบันจะเขียนคำร้องขอย้าย 1 ครั้ง พิจารณากัน 2 รอบก่อนเปิดเทอมครับ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเขียนย้ายไปแล้วไม่ได้รับการพิจารณา หนึ่งในสาเหตุก็คือ การจัดทำเอกสารประกอบคำร้องขอย้ายไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมินนั่นเองครับ อาจจะมีหลายๆท่านบอกว่าไม่เห็นต้องทำเอกสารประกอบคำร้องขอย้ายยังได้ย้ายเลย นั่นอาจเพราะ โรงเรียนที่เขียนย้ายไปมีคนเขียนลงคนเดียว หรือ วิชาเอกของคุณครูท่านนั้นตรงกับความต้องการของโรงเรียน เป็นต้น แต่ในปัจจุนเท่าที่ได้เข้าไปสังเกตการณ์การพิจารณาการย้ายข้าราชครูจะพบว่า จะมีการประเมินเอกสารประกอบคำร้องขอย้ายและเรียงลำดับคะแนนทุกคนที่เขียนย้ายเข้ามาในแต่ละโรงเรียน และส่งต่อไปยังคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองครับ สมมุติโรงเรียน A มีตำแหน่งว่าง 1 ตำแหน่ง มีคนขอเขียนย้ายเข้าไป 10 คน ก็จะพิจารณาเอกสารประกอบคำร้องขอย้ายตามหลักเกณฑ์การประเมินที่ สพฐ. กำหนด แล้วนำคะแนนที่ได้มาเรียงลำดับตั้งแต่ลำดับที่ 1-10 ครับ ซึ่งส่วนมาผู้ที่มีคะแนนสูงสุดจะได้รับการพิจารณาย้ายครับ

 

**หมายเหตุ : หลักเกณฑ์และวิธีการย้าย ครู สพฐ. อาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในทุกเดือนมกราคมหรือทุกปีครับ

(คำร้องขอย้าย และ เอกสารประกอบคำร้องขอย้าย โหลดด้านล่าง)

Advertisements

องค์ประกอบที่ 1 ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์หรือวิชาเอก ตามความจำเป็นของสถานศึกษา การประเมินในองค์ประกอบนี้ จะมีการประเมินจำนวน 2 หัวข้อย่อย ซึ่ง ประกอบไปด้วย

1.1 ด้านความรู้ ก็จะเป็นการประเมินระดับการศึกษาครับ เอกสารที่ต้องใช้ก็คือ สำเนา ก.พ.7 และ สำเนาปริญญาบัตร ถ้าไม่มีปริญญาบัตรอาจจะใช้หนังสือรับรองคุณวุฒิก็ได้เช่นกัน เป็นต้น

เอกสารที่ต้องใช้ : สำเนา ก.พ.7 และ สำเนาปริญญาบัตร สำเนาหนังสือรับรองคุณวุฒิ

1.2 ความสามารถ ก็จะมีการประเมินใน 3 หัวข้อย่อยดังนี้

1.2.1 การปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพผู้เรียน/สถานศึกษา ในส่วนนี้จะพิจารณาจาก การทำงาน กิจกรรม โครงการ ต่างๆ ในโรงเรียน โดยที่ผู้ขอย้ายต้องเป็นผู้รับผิดชอบโครงการครับซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะใช้กี่ปีย้อนหลัง แต่โดยปกติการใช้อ้างอิงก็น่าจะไม่เกิน 3 ปีย้อนหลัง และต้องมีกิจกรรมหรือโครงการ ตั้งแต่ 5 โครงการจึงจะได้คะแนนเต็มครับ พิจารณาจาก สำเนาคำสั่งโรงเรียน ท่านอาจจะถ่ายสำเนาคำสั่งจากทะเบียนคำสั่งของโรงเรียน มาประกอบคำร้องขอย้าย แต่ย้ำนะครับว่าเอกสารทุกอย่างจะต้องลงลายมือชื่อผู้ขอย้ายและผู้บริหารครับ

เอกสารที่ต้องใช้ : คำสั่งโรงเรียนให้รับผิดชอบกิจกรรม/โครงการ จำนวน 5 กิจกรรม/โครงการ ที่ลงลายมือรับรองสำเนาเรียบร้อย

Advertisements

1.2.2 การได้รับมอบหมายงานอื่นในสถานศึกษา ในส่วนนี้จะพิจารณาจาก งานต่างๆที่ได้รับมอบหมาย เช่น งานพัสดุ วิชาการ เป็นต้นโดยที่ผู้ขอย้ายต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรครับ แต่ในรายละเอียดการย้ายที่สพฐ.ทำไม่ได้ระบุว่าจะใช้กี่ปีย้อนหลัง แต่โดยปกติการใช้อ้างอิงก็น่าจะไม่เกิน 3 ปีย้อนหลัง และต้องรับผิดชอบงานอื่นๆ ตั้งแต่ 5 โครงการจึงจะได้คะแนนเต็มครับ พิจารณาจาก สำเนาคำสั่งโรงเรียน ท่านอาจจะถ่ายสำเนาคำสั่งจากทะเบียนคำสั่งของโรงเรียน มาประกอบคำร้องขอย้าย แต่ย้ำนะครับว่าเอกสารทุกอย่างจะต้องลงลายมือชื่อผู้ขอย้ายและผู้บริหารครับ

เอกสารที่ต้องใช้ : คำสั่งโรงเรียนให้รับผิดชอบงานที่นอกเหนือจากการสอน จำนวน 5 งาน ที่ลงลายมือรับรองสำเนาเรียบร้อย

1.2.3 ประสบการณ์ด้านการสอน ในส่วนนี้ก็จะพิจารณาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาของผู้ขอย้ายและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปลายทาง เช่น ถ้าย้ายในระดับการศึกษาเดียวกัน คือ สพป. ไป สพป. หรือ สพม. ไป สพม. จะได้ผลการประเมินเต็ม 10 แต่ถ้าย้ายไปต่างระดับการศึกษาเช่น สพป. ไป สพม. หรือ สพม. ไป สพป. จะได้คะแนน 5 เต็ม 10 เป็นต้น

เอกสารที่ต้องใช้ : ข้อมูลสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัจจุบัน และ ข้อมูลสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่ยื่นขอย้าย

1.2.4 วิชาเอก ในส่วนนี้จะพิจารณาจากความต้องการของโรงเรียนที่ขอย้ายเข้า ว่ามีความต้องการเอกใดและตรงกับวิชาเอกของผู้ขอย้ายหรือไม่ โดยปกติเขตพื้นที่การศึกษาจะให้โรงเรียนสำรวจวิชาเอกที่ต้องการโรงเรียนละ 3 เอก เรียงลำดับความสำคัญครับ

เอกสารที่ต้องใช้ : สำเนา ก.พ.7 หรือ สำเนา ก.ค.ศ. 16 ทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนิกส์ หรือ สำเนาปริญญาบัตร สำเนาหนังสือรับรองคุณวุฒิ หรือ เอกสารหลักฐานที่ระบุถึงประสบการณ์ในการสอนที่ตรงกับความต้องการของโรงเรียน เช่น คำสั่งสอน โดยเอกสารทุกอย่างต้องลงลายมือชื่อให้เรียยบร้อย

องค์ประกอบที่ 2 ลำดับสถานศึกษาที่ผู้ขอย้ายมีความประสงค์ขอย้ายไปปฏิบัติงาน สำหรับในองค์ประกอบนี้จะพิจารณาการความต้องการขอผู้ที่เขียนย้ายว่าต้องการที่ย้ายไปบรรจุโรงเรียนใดบ้าง โดยให้เรียงลำดับที่ 1 – 5 คะแนนก็จะลดลงเป็นลำดับ

เอกสารที่ต้องใช้ : การระบุชื่อโรงเรียนในคำร้องขอย้าย และ ถ้าท่านมีเล่มเอกสารประกอบคำร้องขอย้าย อาจจะสำเนาคำร้องขอย้ายแนบใส่ท้ายเล่มเอกสารประกอบคำร้องขอย้ายก็ได้ครับ

องค์ประกอบที่ 3 ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาปัจจุบัน สำหรับองค์ประกอบนี้ก็จะพิจารณาจากการที่ได้ปฏิบัติงานในโรงเรียนปัจจุบันนะครับ นับรวมทุกตำแหน่ง เช่น อยู่โรงเรียนนี้ตั้งแต่ เป็นครูผู้ช่วยจนถึงครูชำนาญการ ให้ลงตัวเลขเป็นปี เช่น 3 ปี เป็นต้น ถ้า รวมเวลาแล้วมีเศษเดือนเกิน 6 เดือน ก็ปัดขึ้น 1 ปี เช่น

10 ปี 6 เดือน 6 วัน ก็จะเท่ากับ 11 ปี

10 ปี 5 เดือน 29 วัน ก็จะเท่ากับ 10 ปี

เอกสารที่ต้องใช้ : สำเนา ก.พ.๗ ที่ลงลายมือของเจ้าที่หน้าฝ่ายบุคคลของสำนักงานเขตพื้นที่ฯ

องค์ประกอบที่ 4 สภาพความยากลำบากในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาปัจจุบัน สำหรับองค์ประกอบนี้จะพิจารณา 2 กรณีเท่านั้น คือ โรงเรียนพื้นที่พิเศษตามประกาศของกระทรวงการคลัง และ โรงเรียนพื้นที่ปกติ ท่านสามารถตรวจสอบว่าโรงเรียนปัจจุบันของท่านเป็นโรงเรียนพื้นที่พิเศษหรือไม่ ได้ที่ : http://personnel.obec.go.th หรือ www.cgd.go.th

เอกสารที่ต้องใช้ : ถ้าเป็นโรงเรียนพื้นที่พิเศษก็สำเนาหน้าที่มีชื่อโรงเรียนปัจจุบัน หรือ ถ้าไม่ใช่โรงเรียนพื้นที่พิเศษอาจจะใส่ข้อมูลโรงเรียนหรือไม่ใส่ก็ได้ครับ

องค์ประกอบที่ 5 เหตุผลการขอย้าย ในส่วนนี้ก็จะต่อเนื่องจากการเขียนคำร้องขอย้ายครับ ว่าท่านระบุเหตุผลใดใน 4 ข้อ คือ 1 อยู่ร่วมคู่สมรส 2 ดูแลบิดามารดาหรือบุตร 3 กลับภูมิลำเนา 4.อื่นๆ การย้ายเป็นข้อใดก็ให้เตรียมเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาตามนั้น

เอกสารที่ต้องใช้ :

ย้ายกลับภูมิลำเนา :

 

ใช้สำเนาทะเบียนบ้านตนเอง (อาจจะเพิ่มสำเนาบัตรประชาชนก็ได้)

– และอื่นๆ เช่น สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล เป็นต้น

2. ย้ายดูแลบิดามารดา และบุตร :

– ใช้สำเนาทะเบียนบ้านตนเอง พ่อ แม่

– ใช้สำเนาทะเบียนลูก

– และอื่นๆ เช่น สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล เป็นต้น

3. ย้ายอยู่ร่วมคู่สมรส :

– ใช้สำเนาทะเบียนบ้านตนเอง ภรรยา

– ใช้สำเนาทะเบียนสมรส

– และอื่นๆ เช่น สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล เป็นต้น

อื่นๆ (เช่นเจ็บป่วย) :

– ใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันจากโรงพยาบาลของรัฐ ระบุ อาการ ประวัติการรักษา เป็นต้น

– และอื่นๆ เช่น สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล เป็นต้น

องค์ประกอบที่ 6 ความอาวุโสตามหลักวิชาการ จะมีการประเมินจาก 2 ประเด็นคือ

จะพิจารณาจากตำแหน่งทางวิชาการของครูหรือวิทยฐานะ คือ วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ วิทยฐานะ เชี่ยวชาญ วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ วิทยฐานะชำนาญการ และ ไม่มีวิทยฐานะ เอกสารที่ต้องใช้ : สำเนา ก.พ.7 หรือ สำเนา ก.ค.ศ. 16 ทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนิกส์ ( อาจจะเพิ่มคำสั่งให้เลื่อนหรือมีวิทยฐานะก็ได้ครับ)

จะพิจารณาจากอายุราชการตั้งแต่เข้ามาบรรจุเป็นข้าราชการ โดยไม่มับปีทวีคูณครับ โดยให้ลงตัวเลขเป็นปี เช่น 3 ปี เป็นต้น ถ้า รวมเวลาแล้วมีเศษเดือนเกิน 6 เดือน ก็ปัดขึ้น 1 ปี เช่น

10 ปี 6 เดือน 6 วัน ก็จะเท่ากับ 11 ปี

10 ปี 5 เดือน 29 วัน ก็จะเท่ากับ 10 ปี

เอกสารที่ต้องใช้ : สำเนา ก.พ.7 หรือ สำเนา ก.ค.ศ. 16 ทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนิกส์ ( อาจจะเพิ่มคำสั่งให้เลื่อนหรือมีวิทยฐานะก็ได้ครับ)

องค์ประกอบที่ 7 ความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่รับย้าย ในส่วนนี้จะเป็นการดำเนินการของโรงเรียนรับย้ายครับ..

เอกสารที่ต้องใช้ : ไม่มี

*** ย้ำอีกครั้งเอกสารที่เป็นสำเนาทุกอย่างต้องมีการลงลายมือชื่อรับรองสำเนาทุกครั้ง

*** สำเนา ก.พ.7 ต้องการลงลายมือของเจ้าที่หน้าฝ่ายบุคคลของสำนักงานเขตพื้นที่ฯ

*** สำนาเอกสารโรงเรียน ต้องการลงลายมือของผู้ขอย้ายและผู้อำนวยการโรงเรียน

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณครูที่ประสงค์จะย้ายนะครับ

 

Comments are closed.