ศธ.เตรียมรีสกิล-อัพสกิลครูทั้งระบบ เพื่อความก้าวหน้าของครูในอนาคต คาด2ปีเห็นผล

วันที่ 28 สิงหาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.)กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษาในรูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบาย THAILAND 4.0 ที่ตนเป็นประธานในการประชุม เมื่อเร็วๆนี้ ว่า กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประชุมร่วมกับภาคเอกชนซึ่งมีทั้งเครือข่ายโครงการสานอนาคตการศึกษา (CONNEXT ED) และโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) เพื่อจะนำแนวทางที่ผ่านมามาขับเคลื่อนในวงกว้าง ทั้งเรื่องระบบการบริหารจัดการโรงเรียน การนำปัญหาอุปสรรคต่าง ๆที่ทำให้การขับเคลื่อนที่ผ่านมายังมีบางเรื่องที่ต้องปรับปรุง นำมาวางแล้วมีคณะทำงานหาทางปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งตนคิดว่าถ้าหากเราเดินไปข้างหน้าร่วมกันแล้วเราเห็นแนวทางชัดเจนว่าจะต้องรีสกิล หรืออัพสกิล ผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการศึกษาทั้งหมด เพื่อให้ความรู้เพิ่มเติมในทุกๆด้าน ก็จะทำให้การขับเคลื่อนนี้ประสบผลสำเร็จโดยที่มีเป้าหมายว่าภายใน 2 ปีนี้จะสามารถพัฒนากลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้เป็นจำนวนมาก

 

นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า เรื่องหลักของการประชุมครั้งนี้คือ การพยายามหาคนที่จะเข้าสู่ขบวนการพัฒนานี้ว่าพื้นฐานต้องมีอะไรบ้าง ความคาดหวังคืออะไร และแนวทางที่จะทำนั้นเราจะทำกันอย่างไร ด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนในภาคเอกชน สำหรับผู้ที่จะเข้าสู้ขบวนการพัฒนาจะมีทุกภาคส่วนไม่เฉพราะครูเท่านั้น เช่น ขบวนการพัฒนาที่เกี่ยวกับไอซีที หรือ ไอซีทีทาเล้น ซึ่งโครงการ CONNEXT ED ได้มีการทดลองทำมาแล้ว โดยเริ่มจากครภายนอกแล้วขยับมาเป็นครูที่โรงเรียน และจากการพิจารณาโครงการนี้แล้วเห็นว่า จะสามารถทำให้ครูที่อยู่ในโรงเรียน 1 คน ต่อหนึ่งโรงเรียน ในความคาดหวังระยะยาวก็น่าจะสามารถช่วยพัฒนาระบบไอซีทีหรือระบบดิจิทัลทั้งหมดของโรงเรียน โดยทำความเข้าใจให้กับครูทุกๆคนในโรงเรียนนั้นๆได้ เพื่อเป็นการยกระดับความเข้าใจตัวชีวัดต่างๆที่อยู่ในระบบดิจิทัล รวมถึงมีเรื่องของการสอนควบชั้น หรือการที่ครูอาจจะขึ้นมาเป็นผู้บริหารก็จะต้องมีทักษะในการดูแลงบประมาณของโรงเรียน และการกระจายงบฯในส่วนต่าง ๆ การทำตัวชีวัด(KPI) ซึ่งผู้บริหารทุกคนจะต้องมีความรู้เรื่องเหล่านี้ในเบื้องต้น  การพัฒนาสิ่งเหล่านี้จะทำให้การขับเคลื่อนไปข้างหน้ามีความคร่องตัวมากยิ่งขึ้น และทักษะเหล่านี้ไม่สามารถเรียนได้ในมหาวิทยาลัย จะเป็นการนำสถานการจริงมาจำลองให้คุณครูได้เพิ่มทักษะ  ก็หวังว่าจะเป็นการสร้างความก้าวหน้าให้กับคุณครูในอนาคตด้วย

Advertisements
Advertisements

วันนี้ที่ประชุมก็ได้สะท้อนปัญหา และอยากให้กระทรวงศึกษาฯ ทำในเรื่องความต่อเนื่อง ระหว่างภาคเอกชนกับโรงเรียน เช่น กรณีที่ผอ.โรงเรียนย้ายออกหรือเกษียณฯ ที่ผ่านมาการเชื่อมต่อไม่มีความต่อเนื่องในการทำงานร่วมกันเพียงพอ ผมก็จพนำประเด็นสำคัญๆนี้เข้ามาสู่ขบวนการพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป” นายณัฏฐพล กล่าว

 

 

ที่มา :https://www.naewna.com/local/514652

ความคิดเห็นเกียวกับข่าว

 

Wirot Ngamwattana

ท่านครับเลิกสนใจวุฒิการศึกษาได้แล้ว ไอ้พวกที่จบดอกเตอร์ ปริญญาโท หรือตรี หรือบ้าบอคอแตก เอาที่สามารถสอนแล้วเห็นผล วิธีง่ายๆเลยครับ พอสอนเสร็จถามเด็กเลยว่าครูสอนดีไหม สอนรู้เรื่องไหม ไอ้พวกที่ตัวเองให้เขียนก็เขียนยังเขียนผิดอยู่อย่างนี้จะไปสอนเด็กได้อย่างไร ถ้าเราบอกว่าเอาเด็กเป็นศูนย์กลางอย่างนี้มันจริงไหม แล้วได้เรื่องภาษาอังกฤษเสริมก็เหมือนกัน จะต้องระบุเอาไว้ว่าเป็นครูต่างชาติเท่านั้นครูคนไทยไม่ได้ เราให้ครูต่างชาติมาสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนอาชีวะ โรงเรียนสามัญมาถึงตอนนี้พวกเขาภาษาอังกฤษดีขึ้นไหม หรือยิ่งโง่กว่าเดิม ทำแบบสอบถามได้เลยทุกห้อง ทุกโรงเรียนจะบอกว่าเรียนไม่รู้เรื่องแล้วยังจะบ้าทำอย่างนี้อยู่ต่อไปอีกหรือ พวกที่จัดหาครูกินเปอร์เซนต์ไปเท่าไร แล้วฝรั่ง ฟิลิปปินส์ อัฟริกา คนพวกนี้เขามีวุฒการศึกษาไหม พวกมันทำปลอมมาทั้งนั้นสอนแต่เรื่องการออกเสียง ถามมันว่ามาได้อย่างไร แล้วแปลว่าอะไรพวกเขาเคยตอบได้ไหมมันไม่ได้เพราะเขาไม่ใช่คนไทย ภาษาอังกฤษที่คิดว่าจะนำประเทศไทยไปสู่สังคมโลกจึงไม่มีวันสู้สิงคโปร์ได้ซักที่ คัดคนรู้จริงไปสอน ถ้าจะบอกว่าไกด์นะดีที่สุดจะเชื่อกันไหม เมื่อไหร่เราจะคัดคนเก่งมาเป็นครูกันเสียทีพวกเอย
ศรเทพ ศิษย์สุริยะ

อยากเสนอจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้เรียนไม่พัฒนา คือการตัดสินผลการเรียน 0-4. ถ้าติด 0 ทำพิธีกรรมสอบซ่อมกก็ผ่าน.ตัดข้อเหล่านี้ตัดสินผลคะแนนปลายภาคเป็น 0-100. ได้แค่ไหนแค่นั้น ไม่มีการสอบซ่อมหรือสอบแก้ตัว เหมือนหลักสูตร 2503.

Comments are closed.