รมว.ศธ.ลงนามประกาศฯ “หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564”

ครูประถม.คอม ข่าวการศึกษา ได้นำรายละเอียดเกี่ยวกับ รมว.ศธ.ลงนามประกาศฯ “หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564” สำหรับใครที่กำลังติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการลงนามประกาศฉบับนี้ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่างได้เลยนะคะ

รมว.ศธ. “ตรีนุช เทียนทอง” ลงนามในประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ยังให้ความสำคัญกับวิชาเอก กำหนดไว้ในสมรรถนะทางวิชาชีพครู อนุโลมผู้สอบ ครั้งที่ 1/2564 ใช้ผลการทดสอบได้

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานกรรมการคุรุสภา (คส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ตามที่คุรุสภาเสนอ โดยประกาศฉบับใหม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คส.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ.2563

สาระสำคัญ คือ แก้ไขให้นิยามคำว่า “ปริญญาทางการศึกษาหรือเทียบเท่า” หมายความว่า คุณวุฒิปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ปริญญาโท และปริญญาเอกทางการศึกษา หรือเทียบเท่า ที่คุรุสภารับรอง และปริญญาทางการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่ผ่านการเทียบคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐ

 

นอกจากนี้ ได้แก้ไขให้มีคณะอนุกรรมการ ซึ่งแต่งตั้งโดย คส.จำนวนไม่เกิน 15 คน ทำหน้าที่กำหนดแนวทาง และรายละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู, กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูเพื่อการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการ เป็นต้น

ซึ่งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย ประธานอนุกรรมการ ที่แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา, อนุกรรมการ โดยตำแหน่ง 3 คน ประกอบด้วย ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, อนุกรรมการ จากผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา ซึ่งมีคุณวุฒิ และมีตำแหน่งทางวิชาการ ผลงานทางวิชาการ และ/หรือ ประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกัน ได้แก่ การจัดการศึกษาในระดับปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่าการวัดและประเมินผล การบริหารจัดการทดสอบและการประเมิน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย อย่างน้อย 1 คน, มีเลขาธิการคุรุสภา หรือรองเลขาธิการคุรุสภาที่ได้รับมอบหมายเป็นอนุกรรมการ และมีเลขานุการพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาที่เลขาธิการคุรุสภามอบหมาย 1 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยคณะอนุกรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี

ประกาศฉบับใหม่ ในข้อ 7 สมรรถนะทางวิชาชีพครู ประกอบด้วย (ก) ความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ได้แก่ 1. วิชาชีพครู 2. วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร 3. วิชาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 4. วิชาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา 5. วิชาเอก ตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด (ข) การปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ได้แก่ 1. การจัดการเรียนรู้ 2. ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน 3. การปฏิบัติหน้าที่ครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพ โดยรายละเอียดของสมรรถนะทางวิชาชีพครู ให้เป็นไปตามข้อบังคับคุรุสภา ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการเกณฑ์การตัดสินการทดสอบและประเมินตามข้อ 7 แต่ละวิชาต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 โดยให้คำนึงถึงค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการวัดประกอบการพิจารณาด้วย หรือตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าคุรุสภายังคงให้ความสำคัญกับวิชาเอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมรรถนะทางวิชาชีพครู

ในข้อ 12 ของประกาศฉบับนี้ ให้มีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพครู ตามข้อ 7 (ก) เมื่อคุรุสภาปรับปรุงระบบการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาให้เชื่อมโยงกับวิชาเอกที่จะดำเนินการทดสอบ และประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ภายใน 2 ปี และในข้อ 13 ยังระบุให้ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1/2564 ตามประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. 2563 ได้รับการยกเว้นการใช้ผลการทดสอบและประเมินสมรรถะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ในวิชาเอก เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูด้วย

ซึ่งประกาศฉบับนี้จะใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

ขอขอบคุณที่มา : ศธ.